วิธีการแก้ไขเบื้องต้นที่ง่ายที่สุดก็คือ การสั่ง Restart เครื่องโดยอาจจะใช้คีย์บอร์ด Windows+U+R จากนั้นในขณะที่เครื่องกำลังบูตให้กดปุ่ม F8 เพื่อเข้าสู่ Boot Menu ที่จะมีออปชันให้คุณได้เลือกเข้า Safe Mode ซึ่งใน Safe Mode นี้จะมีการเรียกใช้ค่า Refresh Rate มาตรฐาน จึงทำให้ทำงานได้ตามปกติ
คราวนี้เมื่อเข้าสู่วินโดวส์ได้ คุณจะต้องไปปรับค่า Refresh Rate ให้เป็นค่าที่เหมาะสมที่จะสามารถใช้งานได้โดยคลิ้กขวาที่ Desktop จากนั้นเลือก Properties แล้วไปที่ Tab ชื่อ Setting คลิ้กปุ่ม Advance แล้วไปที่ Tab ชื่อ Monitor ซึ่งจะมีค่า Refresh Rate ให้ปรับ ซึ่งค่าที่เหมาะสมที่สุดจะเป็น adapter default หรือค่าต่ำสุดเท่าที่จะเลือกได้ และปรับความละเอียดของหน้าจอให้ต่ำๆ เข้าไว้ โดยเฉพาะจอขนาดเล็ก เมื่อปรับทุกอย่างเสร็จแล้วจึงสั่ง Restart เครื่องเพื่อดูผลในกรณีที่คุณแก้ไขจากอาการจอเพี้ยนข้างต้นมาแล้ว และต้องการปรับค่าความละเอียดหรือ Refresh Rate กันใหม่ เพื่อให้เหมาะสมตามความต้องการ ให้ลองปรับค่าตามที่คู่มือจอระบุให้เป็นค่าที่แนะนำให้ปรับเสียก่อน อย่างเช่น จอ LCD 17 นิ้ว จะมีค่าความละเอียดอยู่ที่ 1280x1024 ส่วน Refresh Rate จะอยู่ที่ 60-75 Hz แล้วแต่รุ่นของจอ เมื่อกด Apply และเห็นหน้าจอที่ปรับใหม่ได้ตามปกติแสดงว่าใช้งานได้ แต่ถ้าหน้าจอกลับมืดไป หรือว่าเป็นคลื่นๆ ไป จนไม่สามารถมองอะไรเห็น ไม่ต้องตกใจครับ ให้รอประมาณ 15-20 วินาที ทุกอย่างจะกลับมาเป็นค่าเดิมก่อนที่เราจะกด Apply กรณีที่ 7 คอมพ์จอฟ้า
เมื่อเจอปัญหาจอฟ้า สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือทำใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตกอกตกใจอะไรไป จากนั้นให้สังเกตอาการที่เกิดขึ้น โดยคุณอาจจะจดโค้ดไว้เพื่อแก้ปัญหา เช่น 0x0000007E แล้วลองเอาโค้ดที่ได้ไปค้นหาในเว็บ เช่น Google แล้วคุณจะพบว่าโค้ดที่เกิดขึ้นมาสาเหตุจากอะไร ในส่วนนี้ต้องบอกว่า คุณอาจจะต้องเก่งภาษาอังกฤษผสมกับเทคนิคเล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ
ปัญหาจอฟ้ามักจะเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ โปรแกรม และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆ ปัญหาที่เกิดจากโปรแกรมจะสังเกตได้ว่าจะสามารถปิดเครื่องได้ แต่อาการจอฟ้าจะเกิดเมื่อเปิดโปรแกรมที่มีปัญหา ถ้าคุณรู้ว่าเกิดจากโปรแกรมอะไร เมื่อ Uninstall โปรแกรมออกปัญหาก็จะหมดไป
ถ้าปัญหาเกิดจากไดรเวอร์ของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ คุณอาจจะเปิดเครื่องได้ แต่เข้าวินโดวส์ไม่ได้ เครื่องอาจจะมีการรีบูตตลอดเวลา ซึ่งปัญหาตรงนี้ บางครั้งทางแก้อาจจะต้องฟอร์แมตเครื่องแล้วลงระบบใหม่ทั้งหมด ก่อนที่คุณจะทำอะไรลงไป ลองบูตเครื่องเข้า Safe mode ดูก่อน ถ้าเข้าได้ ก็จัดการเอาข้อมูลที่จำเป็นมาเก็บไว้ก่อนแต่ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ คงต้องถอดเอาฮาร์ดดิสก์ไปจั๊มป์กับเครื่องอื่น แล้วเอาข้อมูลที่สำคัญออกมา จากนั้นค่อยฟอร์แมตแล้วเอาข้อมูลที่สำคัญออกมา จากนั้นค่อยฟอร์แมตแล้วลงเครื่องใหม่ครับ ซึ่งการลงระบบใหม่ ผมแนะนำให้ค่อยๆ ลงไดรเวอร์ทีละตัว ระบบใหม่ ผมแนะนำให้ค่อยๆ ลงไดรเวอร์ทีละตัว ลงหนึ่งตัวรีบูตหนึ่งครั้ง เพื่อเช็กดูว่าปัญหาเกิดที่ไดรเวอร์ตัวไหน เมื่อพบไดรเวอร์ที่มีปัญหา ให้เข้าเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์นั้นๆ แล้วดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่มาใช้แทนตัวที่มีปัญหา กรณีที่ 8 กาแฟหกรดคีย์บอร์ด
ส่วนพวกน้ำและกาแฟนั้น หากอยู่ใกล้คุณ (หรือเพื่อน) ก็อาจจะเผลอไปปัดให้หก ซึ่งเราก็ทราบดีอยู่แล้วว่าพวกอุปกรณ์ไอทีไม่ค่อยจะถูกชะตากับน้ำ หรือชากาแฟทั้งหลาย แต่ถ้าเมื่อพยายามป้องกันแล้วก็ยังพลาดท่าเสียที เผลอไปทำกาแฟหรือน้ำหกลงบนคีย์บอร์ดเข้าจนได้ ก็ควรทราบวิธีแก้ไขในเบื้องต้นสิ่งแรกที่ควรทำคือรีบถอดสายคีย์บอร์ดออกจากตัวเคสก่อน จากนั้นให้รีบเทน้ำหรือกาแฟออกโดยด่วน แล้วค่อยหาผ้าแห้งมาเช็ดทำความสะอาด หากไม่แน่ใจก็อาจใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้แห้งมาทำความสะอาด หรือถ้าสามารถหาไดร์เป่าผมมาเป่าได้ก็คงจะดี แต่ห้ามใช้ปากเป่านะครับ เพราะอาจเป็นการเพิ่มน้ำ (จากน้ำลาย) โดยใช่เหตุ แต่ถ้าไม่มีอะไรมาเป่าจริงๆ ก็ต้องทิ้งไว้ให้แห้งสักวันหรือสองวัน แล้วจึงนำไปเสียบกับคอมพิวเตอร์ดูว่ายังใช้งานได้เหมือนเดิมหรือไม่? ถ้าไม่ได้ก็คงต้องเปลี่ยนคีย์บอร์ดอันใหม่แล้วละครับ คิดซะว่าได้ของใหม่ จะได้ไม่เครียดไงครับ กรณีที่ 9 เสียงส่ออันตราย
- เสียงดัง 1 ครั้ง = แสดงว่าขั้นตอนการบูตเครื่องหรือขั้นตอน Post เป็นปกติ
- เสียงดัง 2 ครั้ง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของแรม เช่น เสียบไม่แน่นหรือแรมเสียทำให้บูตเครื่องไม่ผ่าน ควรตรวจสอบแรม
- เสียงดัง 3 ครั้ง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของแรม เช่น เสียบไม่แน่นหรือแรมเสียทำให้บูตเครื่องไม่ผ่าน ควรตรวจสอบแรม
- เสียงดังต่อเนื่อง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของแหล่งจ่ายไฟ เช่น เพาเวอร์ซัพพลาย หรือเมนบอร์ดอาจมีปัญหา ให้ตรวจสอบ เพาเวอร์ซัพพลาย และเมนบอร์ด
- เสียงดังถี่ ๆ = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนเมนบอร์ดให้ตรวจสอบสายสัญญาณต่าง ๆ และตัวเมนบอร์ด
- เสียงดัง 6 ครั้ง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของคีย์บอร์ด ให้ตรวจสอบคีย์บอร์ด
- เสียงดัง 7 ครั้ง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของซีพียู อาจต้องเปลี่ยนซีพียูใหม่
- เสียงดัง 8 ครั้ง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของการ์ดแสดงผล ( VGA ) ตรวจสอบการ์ดแสดงผลว่าเสียบแน่นดีหรือไม่ หากยังไม่ได้ผลอาจต้องเปลี่ยนการ์ดแสดงผลใหม่
- เสียงดังยาว 1 สั้น 2 = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของการ์ดแสดงผล ( VGA ) ตรวจสอบการ์ดแสดงผลว่าเสียบแน่นดีหรือไม่ หากยังไม่ได้ผลอาจต้องเปลี่ยนการ์ดแสดงผลใหม่
- เสียงดัง 9 ครั้ง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของไบออส อาจต้องเปลี่ยนไบออสใหม่
- เสียงดัง 10 ครั้ง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของการเขียน CMOS อาจต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
- เสียงดัง 11 ครั้ง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนในส่วนของหน่วยความจำแคช ควรตรวจสอบแคชภายนอกบนเมนบอร์ด
- ไม่มีเสียง = แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของ เพาเวอร์ซัพพลาย, เมนบอร์ด หรือซีพียู รวมถึงสายสัญญาณ และสายไฟต่าง ๆ
**หมายเหตุ เสียง "ปิ๊ป" ของเมนบอร์ดแต่ละยี่ห้ออาจแตกต่างจากได้ที่กล่าวมา
ชื่อว่าใครก็ตามที่ประสบกับปัญหานี้คงรู้สึกเซ็งแทบนั่งกุมขมับกันเลยทีเดียว เอาละครับ ผมมีแนวทางแก้ไขมาฝาก ดังนี้
สาเหตุ : ตัวการที่ทำให้ซีดีรอมติดค้าง ไม่สามารถเปิดได้นั้น จะอยู่ที่กลไกในการดีดถาดออกมา หรือความสกปรกของหัวอ่านซีดี และแผ่นเป็นรอยเป็นต้น
วิธีแก้ไข : การแก้ไขเบื้องต้นนั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแต่ออกแรงสักนิดหนึ่ง และต้องมีเครื่องมือ นั่นคือ คลิป หนีบกระดาษนั่นเอง วิธีการมีดังนี้
- ให้นำคลิปหนีบกระดาษมาดัดให้มีลักษณะเป็นตัวแอล
- จากนั้นนำคลิปหนีบกระดาษที่ดัดเรียบร้อยแล้วสอดเข้าไปในรูเล็กๆ ที่อยู่ทางด้านหน้าของซีดีรอม
- ต่อไปก็ค่อยๆ เขี่ย จะรู้สึกได้ว่าปลายคลิปนั้นไปติดกับเฟืองสำหรับดีดถาดออกมา
- ถ้าหากเขี่ยแล้ว ถาดไม่เลื่อนออกมา ให้ใช้มือค่อยช่วยงัดออกมา แต่ต้องระวังด้วยนะ ไม่งั้นจะเสียแบบถาวร
เอาละครับ ครบถ้วนทั้ง 10 กรณีกันไปเรียบร้อย ความจริงแล้วมันคงมีเหตุฉุกเฉินที่นอกเหนือจากนี้ไปบ้างแหละครับ แต่ที่นำมาเสนอในบทความนี้คือสาเหตุส่วนใหญ่ที่หลายคนมันจะพบอยู่บ่อยๆ ก็เอาเป็นว่ารู้วิธีแก้ไขเบื้องต้นกันก่อน ถ้าเหลือบ้ากว่าแรงจริงๆ เราก็คงจะต้องพึ่งผู้ชำนาญกว่า
ที่มา : http://www.arip.co.th/